logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566

  • Santiment คาด Bitcoin อาจแตะ 40,000 ดอลลาร์ หลังเจ้ามือ Tether 100 อันดับแรก แห่ซื้อ Stablecoin เพิ่มกว่า 1,670,000,000 ดอลลาร์
  • นักวิเคราะห์ราคาคริปโต Bluntz ได้ออกมาคาดการณ์ว่าราคา SOL ว่าในตอนนี้ตัวเหรียญเริ่มมีการฟื้นตัวมากขึ้นจากการอ้างอิงทฤษฎี Elliott Wave ที่ชี้ว่าตัวเหรียญมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นมากพอที่จะสามารถแตะ 80 ดอลลาร์ได้
  • Charles Edwares ได้ออกคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin (BTC) จะสามารถพุ่งขึ้นไปแตะ 41,200 ดอลลาร์ได้ภายในเวลาอีก 5 เดือนข้างหน้า เพราะว่าต้นทุนในการขุดจะแพงขึ้นสองเท่าภายในชั่วข้ามคืนเพราะ Bitcoin Halving
  • นักวิเคราะห์ ETF ระบุว่ากองทุน Bitcoin Spot ETF ในสหรัฐฯ ขณะนี้มี “เส้นทางที่ชัดเจน” สำหรับการอนุมัติพร้อมกัน หลังจากการตัดสินใจล่วงหน้าเพื่อชะลอการเสนอราคาของ Franklin Templeton และ Hashdex ETFs
  • นายออสแทน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังปรับตัวลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 พร้อมกับกล่าวว่าเขารู้สึกกังวลหากเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเกินไป
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลกซึ่งรวมถึงออสเตรเลีย, อังกฤษ และไทย ต่างก็ออกมาเตือนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของแนวโน้มนโยบายการเงิน แม้มีกระแสคาดการณ์เพิ่มขึ้นทั่วโลกว่าอัตราดอกเบี้ยได้มาถึงจุดพีกหรือใกล้จะถึงจุดพีกแล้วก็ตาม
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวในการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารกลางฮ่องกงและธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ว่า ธนาคารกลางจีนจะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป พร้อมกับกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อของจีนได้ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดแล้วและมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
  • คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า งบดุลของอีซีบีในอนาคตจะมีขนาดเล็กกว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็จะไม่หดตัวกลับลงไปสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติการเงิน
  • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า การให้สินเชื่อแก่บริษัทในยูโรโซนลดลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2015 ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนอาจอยู่ในภาวะถดถอย และการฟื้นตัวที่ยาวนาน
  • นายโจอาคิม นาเจล ประธานธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ถ้าแนวโน้มเงินเฟ้อย่ำแย่ลง และอีซีบีไม่ควรรีบเร่งผ่อนคลายนโยบายเร็วเกินไป หลังจากที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยว่า บีโอเจขาดทุนมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์จากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่เพิ่มขึ้น
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐเพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันนี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟด ส่วนในวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนต.ค.
  • เวลส์ ฟาร์โก อินเวสต์เมนท์ อินสติติวท์ (Wells Fargo Investment Institute) ออกรายงานเตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐจะสกัดช่วงขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ และส่งผลกระทบต่อหุ้นหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary) และหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ (small cap stocks)
  • สำนักบริหารกิจการภาษีแห่งชาติจีน (STA) เปิดเผยว่า จีนส่งเสริมมาตรการบรรเทาภาษีและค่าธรรมเนียมหลายรายการในปีนี้ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • แอลเอสอีจี (LSEG) ประมาณการว่า บริษัทจีนจะมีกำไรเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปีในปี 2567 เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นอุปสงค์ผู้บริโภคและตลาดที่อยู่อาศัยที่ซบเซา
  • สำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า ธนาคารบาร์เคลย์กำลังพิจารณาแผนยกเลิกการให้บริการลูกค้าวาณิชธนกิจหลายพันรายตามแผนยกเครื่องเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะช่วยสร้างผลกำไรและลดต้นทุนได้ 1 พันล้านปอนด์
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 26.8 เหรียญ หรือ 1.33% อยู่ที่ระดับ 2,040.97 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 27.20 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 2,060.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 26.40 เซนต์ หรือ 1.05% ปิดที่ 25.302 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 27 ดอลลาร์ หรือ 2.92% ปิดที่ 950.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร ขานรับการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นในการประชุมสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข่าวคาซัคสถานผลิตน้ำมันลดลงเนื่องจากพายุพัดกระหน่ำ
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 81.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 817,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

นักวิเคราะห์คาดราคา Ethereum อาจร่วงลงก่อนพุ่งแตะระดับ 300 ดอลลาร์

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาตลาดคริปโตเริ่มฟื้นกลับตัว โดยราคา ETH นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง ETH นั้นก็ได้ทำจุดสูงสุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่ระดับ 175.29 ดอลลาร์

อ่านเพิ่มเติม