ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดทองคำคือดัชนีดอลลาร์ โดยเมื่อคืนนี้ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.6% มาอยู่ที่ระดับ 104.75 จุด และบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10ปี  ปรับตัวขึ้น 0.08% มาอยู่ที่ระดับ 4.264%

               ราคาทองคำร่วงแรงจนปิดลบ 14.50 ดอลลาร์  เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์แข็งค่าและบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งขึ้น หลังเมื่อวานนี้ตลอดทั้งวันมีเปิดเผยข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจดัชนี PMI ภาคบริการของฝั่งจีน เยอรมัน ยุโรป และอังกฤษออกมาต่ำกว่า 50 ซึ่งถือว่าหดตัว ส่งผลให้ค่าเงินประเทศดังกล่าวอ่อนค่าหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าสูงสุดในรอบ 5เดือน

               ขณะเดียวกันนายเอริค โรเซนเกรน อดีตประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า ตลาดแรงงานชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และระบุเสริมว่า “ถ้าหากสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไป ก็มีแนวโน้มว่าวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจแตะจุดสูงสุดแล้ว”

               อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน ส.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 13 ก.ย.เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่การประชุมเฟดในวันที่ 19-20 ก.ย.

               เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง 93% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25 – 5.50%  และให้น้ำหนักเพียง 7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50 – 5.75% ในการประชุมวันที่ 19 – 20 ก.ย.

               ทั้งนี้ นักลงทุนเฝ้าติดตามการเปิดเผยข้อมูลดัชนี PMI ภาคบริการ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากดัชนีดังกล่าวมีการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง