logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 17 พฤษภาคม 2567

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.3 จุด หรือ 0.29% มาอยู่ที่ระดับ 104.5 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.375% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.07 % มาอยู่ที่ระดับ 4.794% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ -0.42% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
  • ECB (ธนาคารกลางยุโรป) ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน จากการเลือกตั้งทั่วโลกและสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ รายงานการประเมินเสถียรภาพทางการเงิน ฉบับล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป ชี้ว่า ตลาดยังคงมองสถานการณ์เหล่านี้อย่างปกติ ซึ่งอาจส่งผลกระทบหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนอกจากนี้ รายงานยังเตือนว่า การเลือกตั้งในสหภาพยุโรป (EU) และประเทศต่างๆ สร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มการคลังของภาครัฐ 
  • นีล แคชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิส เผยไม่แน่ใจ”นโยบายการเงินเข้มงวดแค่ไหน” แนะตรึงต้นทุนกู้ ช่วงเฟดประเมินเงินเฟ้อ เขาเสนอให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันไปก่อน ในขณะที่เฟดกำลังประเมินสถานการณ์ด้านภาวะเงินเฟ้อ
  • Thomas Barkin ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ประจำริชมอนด์กล่าวว่า ธนาคารกลางจำเป็นต้องตรึงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไป เพื่อลดเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายที่ 2% โดยอ้างถึงราคาสินค้าภาคบริการที่ยังคงสูง
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แนะนำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก โดยดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่BOJ ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีในการประชุมเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ50% ในวันนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการสัญญาณว่า ธนาคารกลางจีนมีความตั้งใจจะพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยไม่สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินหยวน
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องจำนวน25 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าสู่ระบบธนาคาร ผ่านทางโครงการ MLF และกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ระดับ 2.5%
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่39,869.38 จุด ลดลง62 จุด หรือ -0.10%,
  • ดัชนีS&P500 ปิดที่ 5,297.10 จุด ลดลง05 จุด หรือ -0.21% 
  • ดัชนีNasdaq ปิดที่ 16,698.32 จุด ลดลง07 จุด หรือ -0.26%
  • ดัชนีหลักทั้ง3 ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวันก่อนที่จะปิดตลาดอ่อนแรงลง โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 40,051.05 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่หลังทะยานขึ้นเหนือระดับ 5,300 จุดเป็นครั้งแรกในวันพุธ (15 พ.ค.) และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
  • สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทวอลมาร์ทเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเหนือระดับ40,000 จุดในระหว่างวัน ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และกระแสความนิยมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  • หุ้นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนพุ่งขึ้นในเช้าเมื่อวานนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกว่ารัฐบาลจีนจะออกนโยบายสนับสนุนการซื้อบ้านค้างสต็อกจากบรรดาบริษัทรับสร้างบ้านที่ประสบปัญหาด้านการเงิน
  • นักวิเคราะห์จากStoneX กล่าวว่า “ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนมากที่สุด ซึ่งจะส่งผลต่อการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นปรับตัวสูงขึ้น”
  • สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยการประมาณการเบื้องต้นในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลง2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะหดตัวลงเพียง5%
ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -9.26 เหรียญ หรือ -0.39% อยู่ที่ระดับ2,376.74 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง40 ดอลลาร์ หรือ 0.39% ปิดที่ 2,385.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 29.876 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 20 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ 1,071.30 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำSPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่36 ตันภาพรวมเดือนพฤษภาคม ซื้อสุทธิ 1.17 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 45.75 ตัน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
ข่าวน้ำมัน
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกว่าตลาดแรงงานที่มีเสถียรภาพของสหรัฐจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ปีนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
  • สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.76% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 83.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันสำหรับปี2567  ซึ่งทำให้การคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันปีนี้ของ IEA กับโอเปกมีความแตกต่างกันมากขึ้น ทั้งนี้ IEA ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์ปีนี้ลง 140,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยหลัก ๆ แล้วเป็นผลจากอุปสงค์ที่อ่อนแอในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD)

หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากสินทรัพย์ดิจิทัลมีการซื้อขายตลอด 24 ชม. ไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ข้อมูลดังกล่าวไม่มีเจตนาชี้นำการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ

Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

นักวิเคราะห์คาดราคา Ethereum อาจร่วงลงก่อนพุ่งแตะระดับ 300 ดอลลาร์

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาตลาดคริปโตเริ่มฟื้นกลับตัว โดยราคา ETH นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง ETH นั้นก็ได้ทำจุดสูงสุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาที่ระดับ 175.29 ดอลลาร์

อ่านเพิ่มเติม