logo

ถ้าเราเติมน้ำมัน 100 บาท จะได้น้ำมันจริงอยู่กี่บาท

ทุกวันนี้ราคาน้ำมันพุ่งสูงมากจากหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งสงครามระหว่าง รัสเซีย – ยูเครน ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก กับบรรดาชาติตะวันตกซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาในเชิงซัพพลายของตลาด และอีกปัจจัยก็คือ กำลังการผลิตน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4 ของปี 2565 กำลังการผลิตสำรองนี้จะลงลงเหลือเพียง 4% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ทำให้เจพี มอร์แกนออกมาเตือนว่า น้ำมันดิบ Brent อาจพุ่งทะลุ 125 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไม่ช้านี้ นอกจากนี้ก็จะมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างสถานการณ์โควิด – 19 และการนำเอาส่วนผสมที่มีราคาแพงกว่าน้ำมันมาใส่แล้วขายตามนโยบายของรัฐโดยการอ้างอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปในต่างประเทศที่มีราคาสูง
เมื่อเจาะลึกถึงโครงสร้างราคาน้ำมัน ก็จะพบว่าโครงสร้างราคาน้ำมันในแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกัน ราคาที่เราจ่ายเพื่อเติมน้ำมันสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็น เบนซิน ดีเซล หรือแก๊สโซฮอล์ ไม่ได้คิดจาก “เนื้อน้ำมัน” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีภาษีอีกหลายตัว รวมถึงเงินที่เก็บเข้ากองทุนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วย อีกทั้งนโยบายการสนับสนุนเชื้อเพลิงแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน
มาลองดูว่า หากคุณเติบน้ำมัน 100 บาท คุณจะต้องเสียเงินค่าอะไรบ้าง แล้วเนื้อน้ำมันจริง ๆ ที่คุณได้ จะอยู่ที่เท่าไร?

เมื่อคุณเติมน้ำมัน 100 บาท เงินของเหล่านี้จะถูกแบ่งออกไปสำหรับภาษีสรรพสามิต 24 บาท

1.ภาษีมหาดไทย 2.4 บาท

2.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.8 บาท

3.กองทุนเพื่อส่งเสริมอนุรักษ์พลังงาน 0.4 บาท

4.Vat ขายส่ง 6 บาท

5.Vat ขายปลีก 0.6 บาท

6.ค่าการตลาด และ Vat ในค่าการตลาด 10 บาท เท่ากับได้น้ำมันจริง ๆ อยู่ประมาณ 56 บาท เท่านั้นเองแล้วราคาหน้าปั๊มใครเป็นผู้กำหนด

“ราคาน้ำมันหน้าปั๊ม” ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ผู้กำหนดราคาน้ำมันหน้าปั๊มในประเทศไทยคือ “ผู้ค้าปลีก” หรือ “ปั๊มน้ำมัน” ต่างๆ ซึ่งการกำหนดราคาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น
• ค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำมันไปยังสถานีบริการ (ต้นทุนน้ำมันและการจัดส่ง)
• ค่าใช้จ่ายในการบริหารสถานีบริการน้ำมัน เช่น เงินเดือน ค่าเช่าที่ดินและค่าสาธารณูปโภคต่างๆ
• การแข่งขันกับสถานีบริการอื่นๆ ในย่านเดียวกัน
โดยจะมีการคำนวณราคาน้ำมันอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ก็กำกับดูแลทางด้านราคาน้ำมันในภาพรวมอีกทอดหนึ่งด้วย
ทำไมราคาน้ำมันหลายประเทศ ถูกกว่าไทย
แม้ไทยจะขุดน้ำมันได้เยอะ แต่ก็ต้องนำเข้าเป็นหลัก เพราะการจัดหาพลังงานในประเทศไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ จึงต้องนำเข้าทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบ โดยที่โรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยถูกออกแบบมาเพื่อกลั่นผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปสำหรับใช้ภายในประเทศเป็นหลัก ทดแทนการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ โดยการอ้างอิงราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชียบวกกับค่าขนส่งมายังโรงกลั่นในประเทศ เพื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่นในประเทศต้องไม่สูงกว่าราคาที่อ้างอิง
แต่ “ราคาน้ำมัน” ในประเทศต่างๆ มีปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น ต้นทุนการซื้อน้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันที่กลั่นขึ้นภายในประเทศย่อมมีราคาถูกกว่าน้ำมันนำเข้า

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ทำมีส่วนให้ราคาน้ำมันแต่ละประเทศต่างกัน เช่น
• ภาษีสรรพสามิตและภาษีต่างๆ
• การชดเชยราคาน้ำมันของรัฐ เช่น ในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
• ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศนั้นๆ
เพราะฉะนั้น “ราคาน้ำมัน” ที่ขึ้นลง จึงเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยซึ่งต้องในแต่ละช่วงเวลาอาจต้องมาวิเคราะห์ลงในรายละเอียดว่าอะไรที่มีผลต่อราคาน้ำมันในเวลานั้น ทั้งในภาพรวมของตลาดโลก และในบริบทของแต่ละประเทศด้วย

ราคาน้ำมัน จะจบลงที่เท่าใด ถ้าคำนวณราคาน้ำมันแบบคร่าว ๆ

• ราคาน้ำมัน $100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เท่ากับราคาน้ำมันประมาณ 40 บาท
• ราคาน้ำมัน $150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เท่ากับราคาน้ำมันประมาณ 60 บาท
• ราคาน้ำมัน $200 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เท่ากับราคาน้ำมันประมาณ 80 บาท
• ราคาน้ำมัน $250 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เท่ากับราคาน้ำมันประมาณ 100 บาท
• ราคาน้ำมัน $300 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เท่ากับราคาน้ำมันประมาณ 120 บาท (1 บาร์เรล เท่ากับ 158.987 ลิตร หรือประมาณ 160 ลิตร)
เรื่องนี้แม้จะไม่มีใครตอบได้ว่าราคาน้ำมันจะจบที่เท่าไร แต่แนวโน้มที่ราคาน้ำมัน จะทะยานสูงขึ้นตอนนี้ก็ยังดูเหมือนจะกำลังดำเนินต่อไป และหากใครกำลังสนใจที่จะเทรดในตลาดน้ำมันช่วงนี้ ก็ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจไม่น้อย…
เทรดน้ำมันที่ GOFX วันนี้ สเปรดต่ำจริงแบบไม่ต้องเทียบ เปิดบัญชีเทรด คลืก GOFX.COM

Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

ราคา Bitcoin ยังคงยืนเหนือ 29,000 ดอลลาร์ แม้ตัวเลข CPI ประกาศออกมาต่ำกว่าคาด

เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีการประกาศตัวเลข CPI ประจำเดือนกรกฎาคมแล้ว โดยผลปรากฏว่าดัชนี CPI ทั่วไป ได้ปรับตัวขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.3%

อ่านเพิ่มเติม

Klaas Knot กล่าวว่า EBC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50 % ในการประชุมครั้งอีก 2 ครั้ง

น็อต เคยกล่าวว่า ถึงแม้อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในยูโรโซน แต่ข้อมูลดังกล่าวนั้นยังไม่น่ายินดี เนื่องจากเงินเฟ้อนั้นยังคงสูง

อ่านเพิ่มเติม